“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม”ทำหน้าที่เผยแพร่ข้อมูล ข้อเท็จจริงทุกบรรทัดทุกตัวอักษร ตามสไตล์ “แนวหน้าสื่ออุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” “ไม้หน้าสาม” จักเริ่มต้นด้วยสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีนในประเทศไทยที่ศบค.ไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศอีกครั้ง แต่พบผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศและพักอยู่ในสถานกักตัวของรัฐจำนวน 4 ราย ทำให้มีการคาดหวังว่าคอเหล้าคงมีโอกาสได้ร่ำสุราจากการปลดล็อกเฟส 4 นี้อย่างแน่นอน...
nn เมื่อสะกิดเรื่อง “โรคติดเชื้อโควิด-ไนน์ทีน” แล้ว “ไม้หน้าสาม” อดจะตะลึง!!อึ้งทึ่งเสียวกับความสำเร็จของวงการสาธารณสุขไทย เสียไม่ได้ เมื่อ “ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล” และคณะแถลงว่าพบพืชสมุนไพรที่มีสารสำคัญที่มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยพบว่า “กระชายขาว” มีสารสำคัญ 2 ตัวที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 100% สารสองตัวที่ว่าคือ 1.Panduratin A และ 2.Pinostrobin...
nn โดยสารทั้งสองนี้สามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อจาก 100% ลงได้ถึง 0%และยังสามารถยับยั้งการแบ่งแยกตัวไวรัสนี้ได้ “ไม้หน้าสาม” อยากให้ผู้บริโภคข่าว “แนวหน้า” ได้เปิดคลิปศึกษาทานกระชายขาวอย่างไรปกป้องโควิด-19 “จากลิงก์ https://www.youtube.com/watch?v=yITzVM39n5Q...
nn นี่คือการค้นพบที่เราสามารถใช้ความสำเร็จเบื้องต้นนี้นำไปต่อยอดสู่การใช้สมุนไพรอื่นๆ มาใช้ในการรักษาโรคอื่นๆ ได้จริง และผลของการค้นพบครั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยมหิดลได้เตรียมยื่นขอจดสิทธิบัตรเพื่อคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของไทย เราจะพัฒนาสารในกระชายให้เป็นยาในการรักษาโรคให้ได้...
nn ที่ผ่านมา “ไม้หน้าสาม” ได้เพียรพยายามสะกิดต่อมสำนึกของผู้มีอำนาจในวงการสาธารณสุขไทยมาโดยตลอดให้พิจารณาศึกษาวิจัย “ภูมิปัญญาบรรพบุรุษของไทย” มาโดยตลอด เพราะ “ไม้หน้าสาม” เชื่อว่าได้ประโยชน์สองทางคือด้านการเกษตรที่เกษตรกรไทยมีทางเลือกในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น และด้านการสาธารณสุขที่บัดนี้ไทยได้รับการยอมรับเรื่องนี้ในวงกว้าง แต่จนแล้วจนรอดผู้มีอำนาจในกระทรวงสาธารณสุขไทยก็นิ่งประหนึ่ง “เตมีย์ใบ้” ไม่รู้สารู้สมกับการวิจัยพืชสมุนไพรหรือนำหลักการแพทย์แผนไทยมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ หลายโรค มิหนำซ้ำยังกีดกันปราชญ์ชาวบ้านให้ไม่สามารถดำเนินการกิจกรรมทางการแพทย์ได้อีกต่างหาก...
nn “ไม้หน้าสาม” เคยพร่ำบอกเล่าหลายกระทอกว่า “ตำรับยาสมุนไพรไทย” ที่ใช้รักษาโรคต่างๆ มีมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล แม้กระทรวงสาธารณสุขจะมีนโยบายให้แพทย์แผนไทยเป็นทางเลือกในการรักษา แต่บ่อยครั้ง จักถูกถามว่า ทานยาสมุนไพรหรือยาหม้อหรือไม่ จากนั้นขอให้หยุดทาน ด้วยเหตุผลที่ว่ายาหม้อหรือสมุนไพรมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ หรืออีกนัยอาจจะทำให้ “เกิดปฏิกิริยาเภสัชจลนศาสตร์” จนเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพในการดูดซึม การกระจายตัว การเผาผลาญ และการขจัดออกจากร่างกายทำให้ยาปฏิชีวนะออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่อีกทั้งยาสมุนไพรบางชนิดมีฤทธิ์เหมือนกับยาแผนปัจจุบันทำให้ผู้ป่วยรับยาเกินขนาด นอกจากนี้ก็ยังมีเหตุผลอีกหลากหลายที่แพทย์แผนปัจจุบันมักต่อต้านการใช้ยาสมุนไพร อาทิ มีเชื้อรา แบคทีเรียปนเปื้อนไม่สะอาด ซ้ำหน่วยงานที่สนับสนุนแพทย์แผนไทยต่างมีแพทย์แผนปัจจุบันมาเป็นผู้บริหารกำหนดนโยบาย ส่งผลให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “วงการแพทย์แผนไทย และสมุนไพรไทย” ไม่ได้รับการพัฒนาหรือเป็นแพทย์แผนทางเลือกเหมือน “นโยบายที่สวยหรู” ตาม “แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพร ฉบับที่ 1”ที่ผ่านมาความร่วมมือประหนึ่งเส้นขนาน ก็ยากที่จะหล่อหลอมระหว่างแพทย์แผนไทยกับแพทย์แผนปัจจุบันให้สอดประสานทำงานร่วมกันได้...
nn จาก “โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีน” ถึงตรงนี้ตรงที่พบสมุนไพรไทยสามารถรักษา“โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-ไนน์ทีน” ได้ “ไม้หน้าสาม” จะพาศึกษา “คำสารภาพเชิงอุปมาอุปไมยของคนตายแล้วฟื้น”โดยเมื่อ 2-3 วันก่อน “ไม้หน้าสาม” ได้เห็นคลิปวีดีโอของผู้ป่วยรายหนึ่งที่มีอาการ “ไขมันพอกตับ” ระบบขับถ่ายปั่นป่วนขับถ่ายยากเดินเข้า-ออกโรงพยาบาลชั้นนำของประเทศไทยตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ก็ไม่มีท่าทีจะดีขึ้น สุดท้ายแพทย์ที่ทำการตรวจรักษาแนะนำให้เขาตัดลำไส้ทิ้งแล้ว “ทำบายพาส” ต่อท่อสายตรง คนไข้รายนี้หมดกำลังใจจะรับการรักษามีชีวิตอยู่อย่างสิ้นหวัง ตัดสินใจทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินมรดกที่มีให้กับบุตรภรรยาเรียบร้อย จากนั้นตระเวนขับรถยนต์เพื่อหาสำนักสงฆ์เพื่อที่จะถือศีลปฏิบัติละสังขารที่สะสมทุกข์ภัยไข้เจ็บ ระหว่างทางบังเอิญเหลือบไปเห็น “ศูนย์สมุนไพรหมอเณร (ชัยรัตน์นนทชัย) ปราชญ์ชาวบ้านแห่งต.สระลงเรือ อ.ห้วยกระเจาจ.กาญจนบุรี” จึงตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปสนทนาปรึกษา “หมอเณร” พร้อมระบายความทุกข์จากโรคที่รุมเร้า ด้วยอาการหน้าซีดไร้ฝาดเลือด หายใจเหนื่อยหอบ พูดไม่เป็นส่ำหมอเณรรับฟังอาการแลเห็นสภาพแห่งการเจ็บป่วยด้วยภูมิปัญญาในการรักษาด้วยสมุนไพรจึงจัดยาให้ผู้ป่วยรายนี้ทาน ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงอาการกลับทุเลาดีขึ้นตามลำดับ “หมอเณร” บอกว่านั่นคือสัญญาณยาสมุนไพรปรับไฟธาตุเริ่มทำงานปรับสมดุลร่างกาย หลังรับยาไปหนึ่งสัปดาห์อาการเจ็บป่วยต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับ คนไข้รายนี้บอกว่า “เหมือนตายแล้วเกิดใหม่” ซ้ำยังขันอาสาหมอเณรขอเป็นพยานบอกกล่าวกับท่านผู้พิพากษาศาลปกครองฯ เพราะทราบว่า หมอเณรมีเรื่องฟ้องร้องกับกระทรวงสาธารณสุข และกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยอยู่ โดยคนไข้รายนี้ให้เหตุผลว่า “ผมเหมือนหนูทดลองยาสมุนไพร” รักษากินยาแพทย์แผนปัจจุบันมากว่าสิบปี แต่ไม่หายจากโรคภัยไข้เจ็บ ซ้ำยังมีโรคและอาการใหม่ๆ ตามมามากมาย จึงอยากถ่ายทอดประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองเพื่อเป็นส่วนหนึ่งร่วมผลักดันตำรับยาสมุนไพรไทยของหมอเณรให้เป็นแพทย์แผนทางเลือกเพื่อช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยคนอื่นในอนาคต...
nn ปิดท้าย “ไม้หน้าสาม” ได้รับข้อมูลและข้อร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 5 ต.ปากแพรก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากโรงโม่หินอิทธิพล 2 แห่ง ฝุ่นละอองจากการขนย้ายหินแพร่กระจายทั้งชุมชน ไม่ต้องเอ่ยชื่อสองบริษัทเอกชนที่ว่าก็ได้ เพราะชาวบ้านในพื้นที่และละแวกใกล้เคียงเขาทราบกันดีอยู่แล้ว จะทำการค้าก็ต้องคิดถึงหัวอกชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนด้วย กฎระเบียบมากมายไม่นำพาปฏิบัติผ้าคลุมรถขนหิน ระบบสเปรย์น้ำฉีดเพื่อลดฝุ่นละอองภายในโรงงานก็ไม่มี ชาวบ้านยืนยันว่าร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่กลับไม่มีความคืบหน้าเคลื่อนไหวใดๆ เลย...
nn “ไม้หน้าสาม” ขอแสดงความอาลัยเสียใจอย่างสุดซึ้งกับ “นางสาวอัญชนา ทุมสงคราม เจ้าหน้าที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ” ที่ต้องสูญเสียบุพการี “ร้อยตำรวจตรีประสาน ทุมสงคราม” เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2563 โดยจะตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดตุ๊กตา ตำบลบางกระเบา อำเภอนครชัยศรี นครปฐม ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 14 มิ.ย.2563 ในเวลา 19.00 น. และมีพิธีฌาปนกิจในวันจันทร์ที่ 15 มิ.ย.2563 ในเวลา 16.00 น. เจ้าภาพฝากเรียน เรียนเชิญมิตรสหายญาติสนิทคุณพ่อประสาน ร่วมส่งดวงวิญญาณผู้วายชนม์ตามวันเวลาดังกล่าว...nn
ไม้หน้าสาม
June 12, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/3fcA3bx
คอลัมน์การเมือง - บุคคลแนวหน้า : 12 มิถุนายน 2563 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://ift.tt/37ceLI4
Bagikan Berita Ini
0 Response to "คอลัมน์การเมือง - บุคคลแนวหน้า : 12 มิถุนายน 2563 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"
Post a Comment