ขมิ้นชัน-ไพล แปลงใหญ่ - ไทยรัฐ

herb-dokterethaliani.blogspot.com

ตลาดมีแนวโน้มความต้องการพืชสมุนไพรเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19...สมุนไพรไทยจึงเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้เกษตรกรในชุมชน

เนื่องจากใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ทั้งประกอบอาหาร ผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลสุขภาพ และเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ศึกษาศักยภาพการผลิตและการตลาดสมุนไพรในพื้นที่โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เปรียบเทียบระหว่างการผลิตขมิ้นชันและไพลของเกษตรกร 326 ราย ในพื้นที่จังหวัดพังงา, สุราษฎร์ธานี, มหาสารคาม, สระแก้ว และราชบุรี

พบว่าการผลิต ขมิ้นชัน ในโครงการแปลงใหญ่ มีต้นทุนการผลิตไร่ละ 14,931 บาท/รุ่นการผลิต 1 ปี ได้ผลผลิตไร่ละ 1,684 กก. เกษตรกรขายได้ กก.ละ 23.17 บาท คิดเป็นกำไรไร่ละ 24,088 บาท

ในขณะที่เกษตรกรรายย่อยนอกพื้นที่แปลงใหญ่ มีต้นทุนการผลิตไร่ละ 16,382.69 บาท ได้ผลผลิตไร่ละ 1,698.78 กก. ราคาขาย กก.ละ 22.30 บาท...ได้กำไรไร่ละ 21,500.11 บาท
เกษตรกรในพื้นที่แปลงใหญ่มีต้นทุนการผลิตน้อยกว่า 8.86% ได้กำไรมากกว่า 12%

ส่วนการปลูก ไพล ในโครงการแปลงใหญ่ มีต้นทุนการผลิตไร่ละ 24,664 บาท/รุ่นการผลิต 2 ปี ได้ผลผลิตไร่ละ 3,341 กก. ขายได้ราคา กก.ละ 23.66 บาท คิดเป็นกำไรไร่ละ 54,377 บาท

ในขณะที่เกษตรกรรายย่อยมีต้นทุนการผลิตไร่ละ 26,316.40 บาท ได้ผลผลิตไร่ละ 2,858.77 กก. ขายได้ราคา กก.ละ 24.21 บาท...ได้กำไรไร่ละ 42,894.42 บาท

เกษตรกรในพื้นที่แปลงใหญ่มีต้นทุนการผลิตน้อยกว่า 6.28% มีกำไรมากกว่า 26.77%

ผลการเปรียบเทียบการทำเกษตรนอกพื้นที่แปลงใหญ่ นอกจากจะมีต้นทุนการจัดการมากกว่าแปลงใหญ่ ผลผลิตและราคายังขายแตกต่าง ดังนั้น เกษตรกรควรรวมตัวกันเป็นกลุ่มเข้าร่วมโครงการแปลงใหญ่ จะช่วยให้เกษตรกรมีช่องทางการจำหน่ายการตลาด ได้ราคา และสร้างรายได้ดียิ่งขึ้น.

สะ-เล-เต